กาแฟ ลาเต้ ถ้วยขนาดใหญ่ถ้วยหนึ่งอาจให้พลังงานมากถึง 250-570 แคลอรี ซึ่งหากใครที่ดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย โดยไม่คำนึงถึงแคลอรีเหล่านี้ คุณก็คงจะต้องรับแคลอรีจำนวนไม่น้อยเลย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพแน่ๆ
ระหว่าง วันของการทำงานที่รีบเร่ง กาแฟ ได้กลายเป็นเครื่องดื่มเคียงข้างโต๊ะทำงานของหลายคน ซึ่งบางคนนิยมดื่มกาแฟแทนน้ำเปล่าก็ว่าได้ นับๆ ดูแล้วในแต่ละวันบางคนอาจดื่มมากถึงวันละ 3-4 ถ้วยทีเดียว ซึ่งผลที่ตามมาก็อาจทำให้คุณได้รับคาเฟอีนจากกาแฟเข้าไปเกินพิกัดได้
ไม่เพียงแต่ได้รับคาเฟอีนมากเกินไปแล้ว กาแฟแต่ละถ้วยที่คุณชงดื่มนั้นยังอาจให้พลังงานสูงเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่ติดใจรสชาติหวานมันหอมหวนของกาแฟที่ผสมทั้งนม ครีม และน้ำตาล ไม่ว่าจะเป็นกาแฟไทยใส่นมข้นที่ขายตามรถเข็นข้างทาง กาแฟภาพลักษณ์หรูหราอย่างคาปูชิโน (cappuccino) ที่อุดมด้วยครีมลอยฟ่อง หรือบางคนนิยมกาแฟผสมนมสด ที่เรียกกันว่า ลาเต้ (latte) แต่ละแบบ แต่ละรสชาติ ก็จะให้พลังงานตามส่วนผสมที่ปรุงเข้าด้วยกัน
ใน Mayo Clinic Womens HealthSource ได้ยกตัวอย่าง เขาจึงได้แนะเคล็ดลับการดื่มกาแฟเพื่อสุขภาพ ดังนี้
* หาก ในแต่ละวันคุณต้องดื่มกาแฟวันละหลายๆ ถ้วย ก็ควรเลือกถ้วยที่มีขนาดเล็กสักหน่อย ซึ่งการใช้ถ้วยกาแฟขนาด 8 ออนซ์ หรือ 12 ออนซ์ แทน mug ถ้วยโตๆ จะช่วยให้สามารถลดพลังงานได้ถึง 110 แคลอรีต่อครั้งเลยทีเดียว
* การเติมความหอมมันให้กับกาแฟ ด้วยนมสดชนิดพร่องไขมัน (low fat / fat free milk) แทนนมข้น หรือนมสดแบบธรรมดา จะช่วยลดปริมาณพลังงานได้อีกประมาณ 80 แคลอรี และลดไขมันได้ประมาณ 8 กรัมต่อถ้วย
* ใช้สารให้ความหวานแทน การใช้น้ำตาล เพราะถ้าคุณดื่มกาแฟ 5 ถ้วยต่อวัน และใส่น้ำตาล 2 ช้อนในแต่ละถ้วย นั้นเท่ากับว่าคุณจะได้รับแคลอรีเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 150 แคลอรีต่อวัน
* ควรหลีกเลี่ยงที่จะเพิ่ม วิปครีม ช็อกโกแลต น้ำเชื่อม หรือของหวานใดๆ ก็ตามลงในกาแฟของคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้มันประกอบไปด้วยแคลอรีจำนวนมากที่จะทำให้คุณอ้วนได้
ลองนำเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้ไปใช้ในกาแฟถ้วยโปรดของคุณ อาจช่วยลดปริมาณแคลอรีที่จะสะสมในร่างกายได้ไม่น้อยเลยค่ะ
เคล็ดลับการปรุงกาแฟแคลอรี่ต่ำ | สำหรับสาวไดเอ็ท
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/10/09
/
Comments: (0)
Food Fix | อาหารที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/09/10
/
Comments: (0)
ผู้หญิงน้อยคนนักที่ไม่ชอบที่จะมีผิวสวย อ่อนนุ่ม เนียน กระชับ เปล่งปลั่ง แต่บางครั้ง ก็ต้องโมโหเมื่อเกิดสิว จุดด่างดำ และริ้วรอย แต่รู้มั้ยว่ามันไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาหรือฟ้าลิขิต แต่มันอาจเกิดจากอาหารที่เรากินทุกวันนั่นเอง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับอาหารธรรมดาๆ ที่ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีกันดีกว่า
ขิง >> เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบ ควรกินวันละหนึ่งเซนติมตร
สตรอเบอร์รี่ >> มีสรรพคุณในการดักจับ อนุมูลอิสระ สีแดงของสตรอเบอร์รี่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้
พริกหวาน >> มีวิตามินซีสูง และมีสรรพคุณต้นอนุมูลอิสระ
ชาเขียว >> มีโพลีฟีนอยด์ ซึ่งช่วยดักจับอนุมูลอิสระแต่จะมีประสิทธิภาพ เมื่อไม่ได้ดื่มกับนม
ปลาทะเล >> มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ควรกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
คุณรู้มั้ยว่า....
+ผิวต้องการโปรตีน : สาวๆ รู้มั้ยว่า โปรตีนมีความสำคัญในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเป็นส่วนประกอบสำคัญของความยึดหยุ่นและคอลลาเจนในผิว หากขาดโปรตีนก็จะทำให้ผิวหย่อนยาน โปรตีนที่ดี เช่น เนื้อไก่ (ไร้สารเร่งการเจริญเติบโต) ปลา และถั่วต่างๆ
+อาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ได้แก่ ไว้น์แดง ชาดำ ชาเขียว ผักโขม พริกหวาน ส้ม เชอร์รี่ แตง
+เนื้อหมูทำให้เกิดริ้วรอย อันเนื่องมาจากกรด Arachidonic และกรดไขมันโอเมก้า 6
+น้ำตาลใน Liquorice และช็อคโกแลตทำให้เกิดริ้วรอยย่น : 2 อย่างนี้ มีน้ำตาลทำให้ยึดติดกับ
ใยคอลลาเจนในเนื้อเยื่อเกียวพันซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยย่น
+อาหารทำให้ผิวอักเสบ เมื่อก่อนนี้เราเข้า
+น้ำตาลเป็นศัตรูทำลายผิว โมเลกุลน้ำตาลทำลายเซลล์ของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะการทำลายคอลลาเจน จึงทำให้ผิวแก่เร็ว แต่ช็อกโกแลตดำมีโกโก้ 70% ซึ่งมีน้ำตาลต่ำและทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินน้อย แต่หากคุณสาวๆ กินพอประมาณก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผิว
ขิง >> เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณต้านการอักเสบ ควรกินวันละหนึ่งเซนติมตร
สตรอเบอร์รี่ >> มีสรรพคุณในการดักจับ อนุมูลอิสระ สีแดงของสตรอเบอร์รี่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้
พริกหวาน >> มีวิตามินซีสูง และมีสรรพคุณต้นอนุมูลอิสระ
ชาเขียว >> มีโพลีฟีนอยด์ ซึ่งช่วยดักจับอนุมูลอิสระแต่จะมีประสิทธิภาพ เมื่อไม่ได้ดื่มกับนม
ปลาทะเล >> มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ควรกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
คุณรู้มั้ยว่า....
+ผิวต้องการโปรตีน : สาวๆ รู้มั้ยว่า โปรตีนมีความสำคัญในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเป็นส่วนประกอบสำคัญของความยึดหยุ่นและคอลลาเจนในผิว หากขาดโปรตีนก็จะทำให้ผิวหย่อนยาน โปรตีนที่ดี เช่น เนื้อไก่ (ไร้สารเร่งการเจริญเติบโต) ปลา และถั่วต่างๆ
+อาหารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
ได้แก่ ไว้น์แดง ชาดำ ชาเขียว ผักโขม พริกหวาน ส้ม เชอร์รี่ แตง
+เนื้อหมูทำให้เกิดริ้วรอย อันเนื่องมาจากกรด Arachidonic และกรดไขมันโอเมก้า 6
+น้ำตาลใน Liquorice และช็อคโกแลตทำให้เกิดริ้วรอยย่น : 2 อย่างนี้ มีน้ำตาลทำให้ยึดติดกับ
ใยคอลลาเจนในเนื้อเยื่อเกียวพันซึ่งทำให้เกิดริ้วรอยย่น
+อาหารทำให้ผิวอักเสบ เมื่อก่อนนี้เราเข้า
+น้ำตาลเป็นศัตรูทำลายผิว โมเลกุลน้ำตาลทำลายเซลล์ของอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะการทำลายคอลลาเจน จึงทำให้ผิวแก่เร็ว แต่ช็อกโกแลตดำมีโกโก้ 70% ซึ่งมีน้ำตาลต่ำและทำให้ร่างกายหลั่งอินซูลินน้อย แต่หากคุณสาวๆ กินพอประมาณก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาแก่ผิว
ความจริงของอาหาร 9 อย่าง | ที่ไม่ทำให้อ้วนอย่างที่คิด
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/09/04
/
Comments: (3)
สาวๆ ที่รักสวยรักงามทั้งหลาย อาจพะวงกับการรับประทานอาหารจำพวกโปรตีน และไขมันบางชนิด ด้วยเหตุที่ว่ากลัวจะไปเพิ่มเชลลูไลต์ หรือไขมันส่วนเกินพอกพูน ตามแขน ขา หน้าท้อง จนบางคนอาจงดอาหารจำพวกนี้ไปเลย ...แต่คุณสาวๆ รู้หรือไม่ว่าเนย นม ชีส หรือแม้แต่ช็อคโกแลต ไม่ได้ทำให้อ้วนอย่างที่คิดเลยล่ะคะ แถมยังดีต่อสุขภาพและช่วยรักษาน้ำหนักให้คงที่ได้ด้วย หากคุณยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ตามมาดูกัน!!
อาหาร 9 อย่าง
ที่ไม่ได้ทำให้คุณอ้วน อย่างที่คิด
- ขนมปัง : ที่ จริงแล้วขนมปังไม่ได้ทำให้อ้วนอย่งที่ใครๆ คิดกัน เพราะการกินขนมปังโฮลวีตแผ่นบางๆ สัก 2-3 แผ่น โดยไม่ทาเนยหรือแยม จะช่วยให้คุณอิ่มท้องได้นาน และไม่หิวบ่อยๆ ด้วย
- ช็อกโกแลต : การ กินช็อกโกแลตแล้วอ้วนนั้น ความจริงขึ้นอยู่กับปริมาณการกิน และชนิดของช็อกโกแลตด้วย ซึ่งยังมีช็อกโกแลตไขมันต่ำ อย่าง Dark Chocolate ที่อร่อยและไม่ทำให้อ้วนเป็นทางเลือกของสาวๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แต่ชื่นชอบช็อกโกแลตค่ะ
- นมและผลิตภัณฑ์จากนม : มีรายงานการวิจัยว่า คนที่กินโยเกิร์ตไขมันต่ำและนมพร่องมันเนยจะสามารถลดน้ำหนักได้ถึง 22% เลยทีเดียว แถมยังลดไขมันในร่างกายได้ถึง 61% และลดไขมันหน้าท้องได้อีก 81% ภายในระยะเวลาเพียง 12 สัปดาห์เท่านั้น
- น้ำตาล : การดื่มชาหวานๆ หรือขนมรสหวานจะช่วยระงับความหิวลงได้ แต่จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ ถ้าไม่อยากให้อ้วน ซึ่งใน 1 วัน คุณสาวๆ ควรรับน้ำตาลเข้าไปเพียง 4 ช้อนโต๊ะเท่านั้น (ข้อมูลนี้ไม่รวมถึงน้ำตาลที่อยู่ในน้ำนมและผลไม้)
- ชีส : การกินชีสนั้นจะอ้วนหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณที่กินต่อวันค่ะ หากคุณเลือกกินชีส Chedder หรือ Blue Vein ที่จัดอยู่ในกลุ่มชีสที่มีไขมันสูง ก็ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่ถ้าคุณเลือกกิน Fetta, Ricatta และ Cottage Cheese ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มที่มีไขมันต่ำก็ไม่ทำให้อ้วนค่ะ
- มันฝรั่ง : สาวๆ อาจคิดว่าในมันฝรั่งมีคาร์โบไฮเดรตสูงมาก ซึ่งเป็นสาเหตุของความอ้วน แต่ความจริงแล้วการกินมันฝรั่งนั้นจะทำให้อิ่มท้องได้นาน ไม่รู้สึกอยากกินจุบจิบ หรือหิวบ่อยๆ ซึ่งการปรุงมันฝรั่งนั้นก็ควรหลีกเลี่ยงการทอด หรือการใช้น้ำมันก็จะช่วยในการรักษาน้ำหนักได้อีกทางค่ะ
- ถั่ว : ถึงแม้ว่าในถั่วจะมีไขมันอยู่ 50% แต่ไขมันที่ว่า ก็ไม่ใช่ไขมันชนิดเลว (ถึงจะมีก็เป็นปริมาณที่น้อยมากๆ) เพราะฉะนั้น ยิ่งกินก็ยิ่งดีต่ำสุขภาพ ขอแนะนำว่าควรกินถั่วในปริมาณ 1 กำมือของคุณเอง ใน 1 วัน นะคะ
- กล้วย : หลายๆ คนเชื่อว่า การกินกล้วยจะยิ่งทำให้อ้วน แต่จริงๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะถึงแม้ว่าปริมาณคาร์โบไฮเดรตในกล้วยจะสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ ก็ตาม แต่มันก็มีค่า Glycaemic Index (GI) อยู่ที่ 55 ซึ่งถือว่าต่ำ ส่งผลให้ระดับอินซูลินโดยรวมต่ำลง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นานและยึดเวลาความอยากอาหารออกไปค่ะ
- อะโวคาโด : ถึงแม้ว่าในอะโวคาโด จะมีไขมันสูงก็ตาม แต่ก็เป็นไขมันชนิด Monounsaturated ค่ะ เป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพมากๆ ด้วย เพราะมีสาร Glutathione เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Anti Oxident นั่นเอง เจ้าสาร Glutathione นี้จะไปบล็อกการดูดซึมไขมันบางตัวที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันริ้วรอยและมะเร็งบางชนิดได้ด้วยค่ะ
คราวนี้สาวๆ ทั้งหลาย ก็ไม่ต้องกังวลกับการงดเว้นการกินอาหารสุดโปรดของคุณแล้วนะคะ ไม่ว่าจะกินอะไรก็ตาม หากเป็นไปอย่างพอดี ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน.
สลัดเครียด คลายปวด ด้วยโยคะ
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
โยคะ คืออะไร??
โยคะ เปรียบเสมือนการสร้างดุลยภาพบำบัดหรือทำกายภาพบำบัดให้กับร่างกาย โดยไม่ต้องหันพึ่้งยาหรือพบแพทย์ก่อนเวลาอันควร อีกทั้งการปฏิบัติโยคะก็ไม่ใช่เป็นแค่การดูแลร่างกายเพียงอย่างเีดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลไปถึงการพัฒนาจิตใจด้วย ทำให้มีสมาธิมากขึ้นและช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้ดีอีกทางหนึ่ง
โยคะอาสนะ
โยคะอาสนะหรือท่าบริหารกาย มีต้นกำเินิดจากการพิจารณา คือสังเกตความเป็นไปของธรรมชาติของโยคี ซึ่งเขาได้ค้นพบว่าการเต้นของชีพจรมีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุขัยของคนเรา เช่น ถ้าชีพจรเต้นช้า ประกอบกับลมหายใจที่ละเอียดอ่อน ลึกและยาว จะช่วยให้มีอายุยืนขึ้น แต่ถ้าหายใจเร็วๆ สั้นๆ อายุก็จะสั้นลงตามไปด้วย ซึ่งท่านโยคีก็นำเหุตผลเหล่านี้มาประยุกต์ใฃ้ให้เข้ากับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ซึ่งการปฏิบัติโยคะอาสนะนั้น จะเน้นที่การเคลื่อนไหวร่างกายที่ช้าประกอบกับการควบคุมลมหายใจที่นุ่มนวลและผ่อนคลาย การเตรียมตัวก่อนปฏิบัติโยคะ
- สวมเสื้อผ้าให้สบาย อย่างเช่น เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นกับกางเกงยึด
- ไม่สวมเครื่องประดับและแว่นตาขณะปฏิบัติ
- ขณะปฏิบัติไม่ควรปล่อยให้ท้องว่างหรือเพิ่งกินอิ่ม
- ควรปฏิบัติในที่ที่มีอากศถ่ายเท ไม่ปูพรม และไม่เปิดแอร์
- คนที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน
- สำหรับมือใหม่ควรได้รับคำแนะนำและเรียนรู้จากครูที่มีความรู้จริงก่อนทำการปฏิบัิติ
ท่าภุชงคะอาสนะ (ท่างู)
สำหรับสาวๆ ที่มีอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือนคงจะต้องรีบหันมาฝึกท่านี้กันโดยด่วนแล้วล่ะ แถมยังช่วยนวดกล้ามเนื้อส่วนหลังและเสริมให้แข็งแรงขึ้นอีกด้วยค่ะวิธีปฏิบัติ
- นอนคว่ำกัยพื้น ขาสองข้างชิดกันตลอดถึงเ้ท้า หลังเท้าราบกับพื้น มือสองข้างอยู่ใต้ไหล่ ปลายนิ้วมือเสมอระดับไหล่ ซึ่งจะทำให้ศอกโค้งอยู่ข้าตัวโดยอัตโนมัติ
- หายใจเข้าพร้อมกับค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากพื้น แล้วยกหน้าและยกท้องติดต่อกันตามลำดับ โดยใช้แขนช่วยดันและยันจนกระทังแขนสองข้างเกือบตรง (ขอย้ำเกือบนะคะไม่ใช่ตรง) ส่วนล่างของร่างกายตั้งแต่ใต้สะดือลงไปราบอยู่กับพื้น ขาและเท้าแนบสนิท เงยคางขึ้น หลบตาต่ำห้ามเหลือกตาขึ้นเพราะจะทำให้หน้าผากย่น หยุดนิ่งในท่านั้น พร้อมกับกลั้นหายใจ 3 วินาที แล้วค่อยหายใจออก ลดท้องลงกับพื้น ตามด้วยหน้าอกและหน้าผากตามลำดับ ทำซ้ำ 3-5 ครั้ง
ท่าตรีโกณอาสนะ (ท่ารูปสามเหลี่ยม)
เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการลดไขมันบริเวณช่วงเอว เพราจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อส่วนเอวให้กระชับขึ้น แถมยังช่วยทำให้อวัยวะในท้องทำงานได้ดีขึ้นและแก้อาการปวดหลังได้ดีทีเดียวค่ะวิธีปฏิบัติ
- ยืนตรง แยกขาอกจากกันพอสมควร กางแขนออกไปทั้งสองข้างให้เสมอไหล่ พร้อมกับหายใจเข้า
- หายใจออก ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ เอนตัวลงทางด้านข้าง อย่าให้ลำตัวเีอียงไปทางด้านหน้าหรือ ด้านหลังโดยเด็ดขาด เอนลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยุดอยู่กับที่ พร้อมกับกลั้นหายใจ 3-6 วินาที
- หายใจเข้า แล้วกลับคืนสู่ท่าเดิม จากนั้นหายใจออก เอนตัวลงไปทางด้านข้างของอีกข้างหนึ่ง ทำเหมือนกันกับข้างที่แล้ว จากนั้นทำสลับกันข้างละ 5 ครั้งหากสาวๆ สนใจการออกกำลังเบาๆ ด้วยโยคะ สามารถเรียนเพิ่มเติมได้จากสถาบันสอนโยคะ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการหลายแห่ง การออกกำลังกายทุกประเภท จะเกิดผลดีได้ ด้วยการปฏิบัติอย่างพอดี ไม่น้อยไป ไม่มากไป สุดท้ายขอให้สาวๆ ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยค่ะ
Trend Alway Hit | แฟชั่นที่อินตลอดกาล
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/09/02
/
Comments: (0)
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความงาม และแฟชั่น เป็นเรื่องที่ผู้หญิงทุกคนติดตามความเคลื่อนไหว (อย่างไม่คลาดสายตา...รึเปล่า) แต่สาวๆ หลายคนที่ตามแฟชั่นเอามากๆ ก็อาจจะอารมณ์เสีย เพราะแต่งตัวตามแทรนด์แต่ละช่วงแค่แป๊บๆ แทรนด์ใหม่ก็เข้ามาอีกแล้ว หรือแม้แต่การแต่งหน้า ทรงผม ก็มีปรับเปลี่ยน หมุนไปจนสาวๆ จะวิ่งตามแทบไม่ทัน (เหนื่อยจัง!!)
ทางเลือกนึงที่ไม่ต้องวิ่งตามแทรนด์ใหม่ๆ ร่ำไป คือ แฟชั่นที่เป็นแทรนด์หลัก ลุคส์ที่ดูดีตลอดกาล ไม่มีตก ไม่มีเอ้าท์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดูดี แล้วเป็นยังไงเหรอแทรนด์ที่ว่า......ตามมาดูกัน
Trend เสื้อผ้า
Trend แต่งหน้า
Trend เครื่องประดับ
ทางเลือกนึงที่ไม่ต้องวิ่งตามแทรนด์ใหม่ๆ ร่ำไป คือ แฟชั่นที่เป็นแทรนด์หลัก ลุคส์ที่ดูดีตลอดกาล ไม่มีตก ไม่มีเอ้าท์ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ดูดี แล้วเป็นยังไงเหรอแทรนด์ที่ว่า......ตามมาดูกัน
Trend เสื้อผ้า
- ยีนส์ >> ถ้าคุณจะลงทุนซื้อเส้อผ้าสักชิ้นที่คิดว่าน่าจะใส่ได้ทุกสมัยล่ะก็ ยีนส์คือทางเลือกที่ดีเลยล่ะ เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย โลกจะหมุนไปแค่ไหน ยีนส์ก็ยังคงสมารรถครองใจหนุ่มสาวทั่วโลกได้อย่างไม่เสื่อมคลาย ใส่แล้วไม่เคยตกรุ่นอีกด้วย และที่สำคัญไปกว่านั้น คือ "ยิ่งเก่ายิ่งแพง"
- เสื้อยืด>> เป็นแฟชั่นที่คงกระพันอีกเช่นกัน เพราะหาใส่ได้ง่าย ทะมัดทะแมงอีกต่างหาก หนุ่มๆ สาวๆ จึงโปรดปรานกันมาก แค่มีเสื้อยึดตัวเดียวก็สสามารถไปได้ทั่วไปทยเลย ที่สำคัญราคาไม่แพงอีกต่างหาก
- เสื้อเชิ๊ตสีขาว>> เพียงแค่คุณมีเสื้อเชิ๊ตสีขาวตัวเดียว ก็สามารถทำให้คุณสาวๆ ดูดีขึ้นมาได้แล้วล่ะ อยากเป็นสาวสวยมาดนักธุรกิจก็จับแมทซ์คู่กับเสื้อสูท หรือถ้าอยากหวานขึ้นมาก็จับคู่กับกระโปรงก็ได้ เห็นมั๊ยล่ะว่าแค่เชิ๊ตสีขาวตัวเดียวก็เปลี่ยนลุคส์คุณได้หลายแนว ไม่ซ้ำสไตล์ ใส่เมื่อไหร่ก็ไม่เอ้าท์แน่นอน
- สูท>> หากคุณสาวๆ ลงทุนซื้อเสื้อสูทเก๋ๆ สีเข้มๆ อย่างดำ หรือ น้ำตาล ไว้สักตัวติดตู้เสื้อผ้าไว้ล่ะก็ รับรองไม่ผิดหวัง เพราะคุณจะใช้ประโยชน์จากสูทได้ทุกโอกาส วันที่คุณอยากชิลล์ ก็หยิบมาสวมทับเสื้อยืด บวกกางเกงยีนส์ รองเท้าแนวสปอร์ตก็เท่ห์แล้ว แต่หากเป็นงานทางการ ก็สวมทับเสื้อเชิ๊ตสีสวย และกระโปรงสีเข้ากับสูท แค่นี้ก็เนี๊ยบแล้ว
- ผมตรง >> ไม่ว่าแฟชั่นผมของโลกเราจะมีวิวัฒนาการล้ำหน้าไปแค่ไหนก็ตาม แต่ทรงผมที่ยังครองใจสาวๆ มาทุกยุคทุกสมัยก็คือผมยาวตรงธรรมดานี่เอง เพราะผมยาว ตรงนุ่มสลวย และมีน้ำหนัก เงางาม ก็ยังเป็นสิ่งที่สาวๆ ทั่วโลกใฝ่ฝันหาและอยากเป็นเจ้าของอยู่ดี จึงทำให้ผมที่ดูแสนจะธรรมดานี้ แต่ยังคงอินได้อย่างเป็นอมตะเรื่อยมา
- ผมบ๊อบ >> ชิคได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะเป็นบ๊อบสั้น บ๊อบเท บ๊อบยา่ว บ๊อบเอียง บ๊อบเฉียง และอีกหลายๆ บ๊อบ ผมสไตล์นี้สามารถดึงลุคส์น่ารักสดใส แบ๊วๆ ของสาวๆ ให้โดดเด่นขึ้นมาได้อีก
- หน้าม้า >> เป็นอีกทรงที่ครองใจสาวสวยทั่วโลก ผมหน้าม้ามีหลายหลายแบบให้คุณสาวๆ ได้เลือกสวยเข้าได้กับทุกสีผม ทั้งม้าตรง ม้าเฉียง ม้าสไลด์ หน้าสั้นเต่อ รับรองว่าตัดแล้วไม่มีเอ้าท์
Trend แต่งหน้า
- โทนสีธรรมชาติ (nood) แม้ว่าผู้ชายส่วนมากจะชอบผู้หญิงที่แต่งหน้าสวยเพียงใดก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วก็อยากจะมีแฟนทีสวยแบบธรรมชาติไม่ต้องเติมแต่งก็ดูดี กันทั้งนั้น เพราะการแต่งหน้าเยอะๆ แบบหนาเตอะ บางครั้งก็ทำให้คุณสาวๆ ดูมีอายุขึ้นไปอีก แถมยังทำให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพเร็วเพราะแพ้สารเคมีที่มากับเครื่องสำอางอีกด้วย การเลือกแต่งหน้าในโทนใสๆ ธรรมชาติ แต่งแต่น้อยเพื่อเปลือยผิวสวยสุขภาพดีของคุณสาวๆ จึงเป็นแทรนด์ที่ไม่มีวันตกยุค และคุณผู้ชอบมีแฟนหน้าเด็กมากกว่าเป็นไหนๆ นะคะ
- ริมฝีปากแดง ไม่ว่าคุณจะเป็นสาวจากทวีปไหนก็ตาม หากมีริมฝีปากแดงระเรื่ออิ่มเอิบแล้วล่ะก็ นั่นคือสิ่งดึงดูดสายตาหนุ่มๆ ให้หันมามองได้อีกประการหนึ่ง เพราะมองแล้วชวนให้เคลิบเคลิ้มหน้าจุมพิตนักล่ะ
- แก้มสีเลือดฝาด สาวๆ ทั้งหลายที่นิยมการแต่งหน้าแบบธรรมชาติ สวยใส เหมือนไม่ได้ตกแต่ง การเติมสีเลือดฝาดบนพวงแก้ม จะเป็นวิธีหนึ่งทีจะดึงความสวยเนียนแบบแบ๊วๆ ได้ ปัจจุบันมีบรัชออนให้เลือกหลากหลายเฉดสี ควรเลือกชนิดที่เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุดค่ะ
Trend เครื่องประดับ
- ต่างหูห่วงเงิน หาซื้อได้ง่ายๆ มีหลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งวงกลม รูปเหลี่ยม รูปดาว ตามใจชอบเลยค่ะ ต่างหูชนิดนี้มีสไตล์เรียบๆ จึงใ่ส่ได้กับเสื้อผ้าหลายแบบ มีไว้ซักคู่รับรองไม่มีเอ้าท์
- ที่คาดผม สาวๆ หลายคนชอบที่จะไว้ผมยาว ไม่รวบ ไม่เกล้า และหากเพิ่มอุปกรณ์เล็กๆ อย่างเจ้าที่คาดผมนี่ล่ะก็ จะเพิ่มความหวาน ความชิคได้อย่างไม่มีวันตกยุคค่ะ
- นาฬิกา เป็นเครื่องประดับที่ไม่มีวันตาย ปัจจุบันมีให้เลือกหลายสี หลายสไตล์ มากยี่ห้อ ให้สาวๆ เลือกใช้ให้แมทช์กับชุดเก๋ๆ ได้ไม่ซ้ำค่ะ แต่ขอแนะว่าแบบที่ใช้งานได้เยอะคือแบบคลาสสิคนะคะ
- รองเท้าคัชชูสีดำ เป็นรองเท้าเรียบๆ แต่โก้ค่ะ เลือกแบบบัลเลท์ หรือแบบมีส้นเล็กๆ ก็ดูดีค่ะ มีติดบ้านไว้ซักคู่จะไม่เสียใจแน่นอน คุณจะใส่ชิลล์ หรือใส่ออกงาน ก็ดูดี ทุกสถานการณ์เลย
5 Step | แต่งหน้าสวยใส แบบธรรมชาติ
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/09/01
/
Comments: (0)
วันนี้ขอชวนสาวๆ มาแต่งหน้าลุคส์ใสๆ สไตล์ nood กันดีกว่านะคะ ข้อดีของการแต่งหน้าแบบนี้คือ สามารถเข้าได้กับทุกโอกาสและการแต่งกายหลากหลายสไตล์ ที่สำคัญแต่งได้รวดเร็วเพียง 5 ขั้นตอนเท่านั้น
ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเลย....
step 1 Electric Gold
หลังจากบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ และตบแป้งฝุ่นทับจนเนียนเรียบ ให้เริ่มแต่งเปลือกตาโดยเริ่มจากระบายอายแชโดว์สีน้ำตาลทองให้ทั่วรอยพับเปลือกตา และไล้บริเวณหัวตาและขอบล่างเพียงบางๆ ด้วยอายแชโดว์สีทอง เพื่อเป็นการเพิ่มความกระจ่างใสให้ดวงตาดูสวยเย้ายวน
step 2 Smoky Eyes
ตัดสีเปลือกตาให้ดูคมเข้มและเก๋มีสไตล์ด้วยอายแชโดว์หรืออายไลเนอร์สี smoky โดยใช้ปลายพู่กันไล้เป็นแนวตรงบริเิวณขอบตาบนและล่าง เน้นให้ดูเด่นชัดที่บริเวณมุมหางตา
step 3 Dramatic Lashes
ไหนๆ ก็จะสร้างเสน่ห์ให้ตัวเองด้วยการเพิ่มความเด่นให้กับดวงตาแล้ว อย่าลืมดัดขนดาให้เด้ง งอนงาม เริ่มจากดัดขนตาด้วยี่ดัด โดยตัดตั้งแต่บริเวณใกล้โคนขนตา ไล่ มายังฃ่วงกลางและปลาย ดัดซ้ำจนขนตางอนงามได้ที่ หากคุณเป็นสาวขนตาสั้น ให้พึ่งบริการเจ้าขนตาปลอมกระจุกเล็กๆ ช่วยเติมเพิ่มเสน่ห์ จากนั้นปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสีธรรมชาติ อาจใช้สีดำ หรือน้ำตาลก็ได้นะคะ
step 4 Natural Blush
Drop ความฉ่ำของสีแก้มลง เพื่อให้โฟกัสตกไปอยู่ดวงตาแบบเต็มๆ โดยแก้มนั้นให้เลือกปัดเพียงบางๆ ด้วยบลัชออนสีชมพูอ่อน (สำหรับสาวผิวขาว) หรือสีส้ม (สำหรับสาวผิวเข้ม) เอาแค่พอดูมีสีเลือดฝาดนิดหน่อยก็พอนะคะ ไม่ต้องฉ่ำจนเยอะเกิน
step 5 Kissable Lips
ตบท้ายความเด้ง ใส ด้วยลิปกลอสค่ะ ถ้าอยากดูแหววเหมือนสาววัยทีน ก็พกลิปกลอสติดตัวเสมอไม่เสียหลายค่ะ เติมได้เท่าที่ต้องการเลย การเลือกสีก็ควรเป็นสีพีช, แดงสด, สีชมพู และสีอื่นๆ ที่เป็นเฉดนู้ด แค่นี้ก็สวยเนียน แบบธรรมชาติแล้วเจ้าค่ะ
ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเลย....
step 1 Electric Gold
หลังจากบำรุงผิวด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ และตบแป้งฝุ่นทับจนเนียนเรียบ ให้เริ่มแต่งเปลือกตาโดยเริ่มจากระบายอายแชโดว์สีน้ำตาลทองให้ทั่วรอยพับเปลือกตา และไล้บริเวณหัวตาและขอบล่างเพียงบางๆ ด้วยอายแชโดว์สีทอง เพื่อเป็นการเพิ่มความกระจ่างใสให้ดวงตาดูสวยเย้ายวน
step 2 Smoky Eyes
ตัดสีเปลือกตาให้ดูคมเข้มและเก๋มีสไตล์ด้วยอายแชโดว์หรืออายไลเนอร์สี smoky โดยใช้ปลายพู่กันไล้เป็นแนวตรงบริเิวณขอบตาบนและล่าง เน้นให้ดูเด่นชัดที่บริเวณมุมหางตา
step 3 Dramatic Lashes
ไหนๆ ก็จะสร้างเสน่ห์ให้ตัวเองด้วยการเพิ่มความเด่นให้กับดวงตาแล้ว อย่าลืมดัดขนดาให้เด้ง งอนงาม เริ่มจากดัดขนตาด้วยี่ดัด โดยตัดตั้งแต่บริเวณใกล้โคนขนตา ไล่ มายังฃ่วงกลางและปลาย ดัดซ้ำจนขนตางอนงามได้ที่ หากคุณเป็นสาวขนตาสั้น ให้พึ่งบริการเจ้าขนตาปลอมกระจุกเล็กๆ ช่วยเติมเพิ่มเสน่ห์ จากนั้นปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสีธรรมชาติ อาจใช้สีดำ หรือน้ำตาลก็ได้นะคะ
step 4 Natural Blush
Drop ความฉ่ำของสีแก้มลง เพื่อให้โฟกัสตกไปอยู่ดวงตาแบบเต็มๆ โดยแก้มนั้นให้เลือกปัดเพียงบางๆ ด้วยบลัชออนสีชมพูอ่อน (สำหรับสาวผิวขาว) หรือสีส้ม (สำหรับสาวผิวเข้ม) เอาแค่พอดูมีสีเลือดฝาดนิดหน่อยก็พอนะคะ ไม่ต้องฉ่ำจนเยอะเกิน
step 5 Kissable Lips
ตบท้ายความเด้ง ใส ด้วยลิปกลอสค่ะ ถ้าอยากดูแหววเหมือนสาววัยทีน ก็พกลิปกลอสติดตัวเสมอไม่เสียหลายค่ะ เติมได้เท่าที่ต้องการเลย การเลือกสีก็ควรเป็นสีพีช, แดงสด, สีชมพู และสีอื่นๆ ที่เป็นเฉดนู้ด แค่นี้ก็สวยเนียน แบบธรรมชาติแล้วเจ้าค่ะ
แต่งหน้าอย่างไร เมื่อเป็นสิว!!
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
สาวๆ หลายท่าน เมื่อใบหน้ามีสิวมาเยี่ยมเยือน แล้วต้องออกไปงาน หรือพบปะผู้คนอยู่ไม่หยุดหย่อน คงกังวลไม่น้อยเลย วันนี้มาหาทางออกกัน
ว่ากันว่าหน้าที่มีสิวแต่งหน้าไม่ได้....มหัศจรรย์แห่งเครื่องสำอางนี่แหละที่จะพรางตา ช่วงปกปิดรอยสิว แถมทำให้หน้าตาดูสวยขึ้นได้อีก ทำยังไงน่ะเหรอ....ตามมาดู
ว่ากันว่าหน้าที่มีสิวแต่งหน้าไม่ได้....มหัศจรรย์แห่งเครื่องสำอางนี่แหละที่จะพรางตา ช่วงปกปิดรอยสิว แถมทำให้หน้าตาดูสวยขึ้นได้อีก ทำยังไงน่ะเหรอ....ตามมาดู
- ก่อนอื่นล้างหน้าให้เกลี้ยงเกลา ด้วยน้ำเย็น (หมายถึงน้ำที่ไ่ม่ร้อนหรืออุ่น และไม่ใช่น้ำจากตู้เย็น
นะคะ) และสบู่อ่อนๆ (สบู่เด็กก็ได้ค่ะ) เมื่อหน้าสะอาดแล้ว การแต่งหน้าก็จะง่ายขึ้น และที่สำคัญจะเนียน แต่ขอเตือนนะคะว่า ไม่ควรล้างซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะผิวหน้าจะสูญเสียความชุ่มชื้นและถูกทำร้ายมากเกินไป
- ทา moisturizer ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ แต่สาวๆ ที่มีปัญหาสิวรุมเร้า มักจะมีปัญหารูขุมขนใหญ่ และผิวมัน พ่วงมาด้วย จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภท oil free purifying ด้วย เพื่อปรับสภาพรูขุมขนให้เล็กลง ลดหน้ามัน และส่งผลให้อาการสิวเขรอะลดลงไปอีกต่างหาก
- เริ่มแต่งหน้าด้วยการลง concealer ที่มีเฉดสีเดียวกันกับสีครีมรองพื้นของคุณ ทา concealer นี้บนจุดสิวเสื้ยนต่างๆ ไม่ต้องทาหนามาก เอาแค่พอปกปิด จากนั้นลงครีมรองพื้นทั่วใบหน้า โดยพยายามใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผสมครมร้องพื้นให้เข้ากับ concealer จะได้ไม่ดูโดดออกมา
- เมื่อปกปิดรอยสิวเรียบร้อย ก็แต่หน้าส่วนต่างๆ ตามปกติ เมื่อแต่งเสร็จแล้อย่าลืมปัดแป้งผุ่นทั่วหน้าอีกที เท่านี้รอยสิวเสี้ยนก็แทบจะมองไม่เห็นแล้ว (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดสิวด้วยนะคะ หากสิวเม็ดใหญ่ สิวหัวช้างที่ปูดออกมา ก็คงจะเกินกำลังของเครื่องสำอางจะปิดอยู่แล้วล่ะค่ะ Y__Y)
- ปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมเหมาะแก่การกระตุ้นสิว เพราะเครื่องสำอางบางอย่างอาจจะยิ่งไปอุดตันสิว ทำให้หายช้าลง หรือทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้นไปอีก
เกร็ดความงาม | Lipstick
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
การมีเรียวปากสวย ไม่ได้มีแค่การมีรูปลักษณ์ของริมฝีปากที่ได้รูป ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่ปัจจุบันลิปสติคมีส่วนช่วยปรับแก้รูปปากให้สวย ดูดีได้ มาดูเทคนิคที่ไม่ยากเกินไป 3 ขั้นตอน ดังนี้ค่ะ
1. ให้ความชุ่มชื้นแก่เรียวปาก
ต่อให้ลิปสติคสีสวยไฮโซแค่ไหน แต่ถ้าปกาแห้งแตกเป็นขุย ทาอย่างไรก็คงไม่มีทางแจ่ม เพราะฉะนั้นก่อนทาลิปสติคจึงควรรองพื้นปากด้วยลิปบาร์มหรือครีมบำรุงริมฝีปาก เพื่อให้ความชุ่มชื้น หลังอาบน้ำ ล้างหน้า ทาครีมบำรุงผิวหน้าเสร็จปุ๊บ ให้ทาลิปบาล์มปั๊บ เพื่อให้ลิปบาล์มมีเวลาซึมซาบเข้าไปบำรุงผิวปากได้ในขณะที่แต่งใบหน้าส่วนอื่นๆ ถ้าหากแต่งหน้าส่วนอื่นเสร็จแล้ว แต่ยังมีลิปลาล์มเลอะติดปากอยู่ ให้ใช้กระดาษทิชชู่ ซับลิปที่เหลือออกอย่างนุ่มนวล จะได้ไม่ทิ้งความมันไว้หให้เหนอะหนะ เมื่อริมฝีปากเรียบเนียนชุ่มชื่นแบบนี้แล้ว สีลิปสติคก็จะติดทนนานไปทั้งวัน ถ้าสาวๆ อยาก make sure ว่าสีลิปสติคจะติดทนตลอดวันจริงๆ อาจทารองพื้นทั่วริมผีปากอีกสักชั้นก่อนทาลิปสติคก็ได้
2. วาดกรอบให้ริมฝีปาก
การเขียนขอบปากนอกจากจะช่วยเน้นริมฝีปากให้เด่นชัดขึ้นแล้ว ยังป้องกันไม่ให้สีลิปสติคซึมเลอะ เปรอะขอบปาก และแก้ไขรูปทรงของปากได้อีกด้วย ทำตามขั้นตอนนี้เลย
- เริ่มจากเลือดินสอเขียนขอบปากที่มีสีใกล้เคียงกับสีผิวปากตามธรรมชาติ หรือไม่ก็คล้ายคลึงกับ
สีลิปสติคที่จะทาให้มากที่สุด - บรรจงเขียนขอบปากให้ได้รูปตามต้องการ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณจะควบคุมความนิ่งของมือได้อย่างไร...เทคนิคช่วยให้มือนิ่งขึ้นคือวางข้อศอกลงบนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วค่อยๆ เขียนขอบปากให้ได้รูปฝึกฝนบ่อยๆ วิทยายุทธิ์จะเข้มข้นขึ้นจนถึงขั้นโปรเลยทีเดียว
- ไม่ควรเขียนขอบปากให้เลยออกมานอกริมผีปากมากไป เพราะตอนแต้มลิปสติคเสร็จใหม่ๆ มันก็อาจดูเด้งดี แต่เืมื่่อสีลิปสติคจางลง เส้นขอบปากจะเห็นเด่นเป็นสง่าจนน่าเกลียด
- เคล็ดลับการเขียนขอบปากเพื่อแก้ไขรูปปาก : ถ้าอยากให้ปากดูอิ่มขึ้นก็วาดขอบปากให้เลยริมฝีปากจริงออกมาเล็กน้อย แต่ถ้าอยากให้เรียวปากดูบางลง ให้เขียนขอบปากเลยเข้าไปในริมฝีปากนิดหน่อย ทั้งนี้เส้นขอบปากไม่ควรเข้มจนโดดเกินไป ควรใช้พู่กันทาปกาแห้งๆ ไล้ตามเส้นขอบปากที่เขียนไว้ จะทำให้ขอบปากดูนุ่มเนียนเป็นธรรมชาติขึ้น
- ถ้าต้องการให้ลิปสติคติดทนนานยิ่งขึ้น คุณสาวๆ ก็อาจใช้ดินสอเขียนของขอบปากระบายให้ทั่วแทนลิปสติคได้ โดยตั้งดินสอนให้ด้านข้างของเนื้อสีชิดกับริมฝีปาก จะทาได้ง่ายและสปีดสูงขึ้น แต่ถ้าอยากใช้ลิปสติคลงสี ก็ไปเลือกสีลิปสวยๆ ในข้อ 3 นะคะ
- ตบท้ายด้วยการใช้พู่กันจุ่มลิปบาล์มทาเคลือบริมฝีปากบางๆ เพื่อให้ริมฝีปากดูชุ่มชื่นสุขภาพดี
- Cream Lipstick ลิปสติคเนื้อครีมให้สีแบบทึบแสง ช่วนให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม อ่่อนเยาว์ ในเวลาเดียวกัน เนื้อลิปสติคที่เรียบเนียนยังช่วยให้การาปากสีเข้มดูเย้ายวน เปี่ยมเสน่ห์ขึ้น เทคนิคที่แจ่มที่สุดในการทาลิปสติคชนิดนี้ คือ พอทาชั้นแรกแล้วให้ใช้ทิชชูซับรมฝีปากก่อน จากนั้นใช้พู่กันระบายทับลงไปอีกรอบ สีสันจะติดทนนานขึ้น
- Matte Lipstick เป็นลิปสติคเนื้อด้าน ที่มีส่วนผสมของแป้งในเปอร์เซ็นต์สุง จึงติดทนนานที่สุด เหมากับการเน้นสีสันของริมฝีปาก แต่เมื่อทาแล้วปากจะแห้งมาก ปัจจุบันมีการเปลี่ยนส่วนผสมของแป้งมาเป็นซิลิโคนและโพลีเมอร์ เพื่อช่วยให้ปากชุ่มชื้น หรือลองผสมลิปสติคเนื้อด้านเข้ากับลิปบาล์ม ทาแล้วริมฝีปากจะชุ่มชื้นขึ้น แต่อาจทำให้คุณสมบัติติดทนทานน้อยลง
- Shimmer Lipstick เป็นลิปสติคที่มีเนื้อคล้ายแบบครีม แต่มีไมก้า และไททาเนียมไดออกไซด์ ที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสดงและเพ่มดีกรีความเป็นประกายแวววับ ริมฝีปากจึงดูอวบอิ่มขึ้น มีเสน่ห์เย้ายวน ส่วนสีสันอาจจะติดทนสู้เนื้อแมทท์ไม่ได้ เป็นลิปสติคที่เหมาะกับฤดูร้อน
- Sheer Lipstick ลิปสติคชนิดนี้มีเนื้อบางเบา จึงเผยให้เห็นสีของริมฝีปากจริง สร้างลุคส์ที่สวยใสเป็นธรรมชาติ ข้อดีคือให้ความชุ่มชื้นสูง ริมฝีปากจะไม่แห้งแตก แต่ว่าจะไม่ติดทนนาน ทำให้ต้องเติมบ่อยรหว่างวัน โดยเฉพาะหลังหมำ่ข้าวเสร็จ
- Lip Gloss มีจุดเด่นที่ให้ความชุ่มชื้นสูง ทำให้ริมฝีปากเรียบเนียน อ่อนเยาว์ สามารถใช้ทาเดี่ยวๆ ในวันชิลๆ ได้ หรือจะใช้ทาทับบนลิปสติคชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความเงางาม ก็ได้
- Lip Balm เป็นลิปสติคที่มีส่วนผสมของ "กรดไขมันและคอเลสเตอรอล" เป็นหลัก ช่วนปกป้องรักษาความชุ่มชื้น และซ่อมแซมผิวหนังชั้นนอกสุดของเรียวปากได้ นอกจากนั้นอาจมีส่วนผสมอื่นี่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงรักษาผิวปากและ ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ ซี และอี ฯลฯ ดังนั้น ประโยชน์ของลิปยบาล์มจึงไม่ได้อยู่ที่สีสันไฉไล แต่อยู่ที่ความสามารถในการบำรุงอย่างล้ำลึก เพราะให้ความชุ่มชื้น ป้องกันความแห้งจากสายลม ความร้อนสุงๆ และสารระคายเคืองต่างๆ ได้
สวยด้วยยาคุมกำเนิด
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
จริงเหรอที่ว่ายาคุมกำเนิด ทำให้สวยได้??
คำตอบคือ จริง!!เพราะในยาคุมกำเนิดมีฮอร์โมนชนิดต่างๆ เป็นส่วนประกอบ จึงทำให้ยาคุมกำเนิดมีประโยชน์ในด้านความงามได้ แถมยังมีข้อดีอื่นๆ อีก มาดูกัน....
1. ช่วยให้เป็นสิวน้อยลง
- ในยาคุมกำเนิดบางชนิดจะมีฮอร์โมนที่ควบคุมการเกิดสิวได้
2. ลดอาการหน้ามัน และขนดก
- เพราะในยาคุมกำเนิดบางชนิดจะมีฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนเพศชาย จึงช่วยทำให้อาการเหล่านี้น้อยลงได้
- ยาุคุมกำเนิดจะช่วยควบคุมฮอร์โมนภายในร่างกายให้อยู่ในระดับสมดุล จึงป้องกันและลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงก่อนและหลังหมดประจำเดือนได้
- ยาคุมกำเนิดมีส่วนช่วยบรรทาอาการผิดปกติ ก่อนมีประจำเดือน เช่น อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย วิตกกังวล ท้องอืด มือเท้าบวม หรือปวดเมื่อยตามตัว หรือถ้ามีอาการก็จะเป็นแค่ระยะสั้นๆ
- เพราะยาคุมกำเนิดจะป้องกันไม่ให้มีการตกไข่ จึงทำให้ไม่มีผลกระทบต่อผิวของรังไข่ และทำให้ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ผิวรังไข่ไปด้วย
- ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของมูกบริเวณปากมดลูก ทำให้มูกเหนียวข้นขึ้น จึงช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อโรคผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกและอุ้งเชิงกรานได้
- นอกจากป้องกันการตังครรค์ ยาคุมกำเนิดยังช่วยให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ ลดอาการปวดท้อง และอาการเครียดก่อนและขณะมีประจำเดือน ช่วยป้องกัน/ลดภาวะโลหิตจาง และยังสามารถลดอาการปวดศีระษะไมเกรนได้อีกด้วย
2in1 | สูตรล้างพิษ + ลดน้ำหนัก
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
สูตรนี้มีเมนูกับข้าวสองแบบให้ทานสลับวันกันไปจนครบ 1 สัปดาห์ นอกจากจะช่วยล้างสารพิษออกจากร่างกายแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินได้อีกด้วย
>เมนูที่ 1 (สำหรับวันที่ 1-3-5 และ 7)
1. กินซุปผักโขม หรือซุปมันฝรั่งใส่มะเขือเทศ ใส่หอมหัวใหญ่ ไม่ใส่เนื้อสัตว์ลย 1 ถ้วย ในมื้อเช้าและเย็น
2. ส่วนมื้อกลางวันกินผลไม้สดหรือผักสดแช่เย็น
>เมนูที่ 2 (สำหรับวันที่ 2-4 และ 6)
1. กินโจ๊กหรือข้าวต้มกับจับฉ่ายในมื้อเช้าและเย็น
2. มื้อกลางวันกินเกาหลาใส่ผักเยอะๆ 1 ชาม (ถ้าไม่ชอบให้กินข้ามต้มไก่หรือข้าวต้มปลาก็ได้)
หากเป็นซุปผักโขม แบบฝรั่ง จะปั่นละเอียด จนไม่มีเนื้อผักให้เคี้ยวเลย แล้วเอามาสิร์ฟเป็นน้ำซุป
>เมนูที่ 1 (สำหรับวันที่ 1-3-5 และ 7)
1. กินซุปผักโขม หรือซุปมันฝรั่งใส่มะเขือเทศ ใส่หอมหัวใหญ่ ไม่ใส่เนื้อสัตว์ลย 1 ถ้วย ในมื้อเช้าและเย็น
2. ส่วนมื้อกลางวันกินผลไม้สดหรือผักสดแช่เย็น
>เมนูที่ 2 (สำหรับวันที่ 2-4 และ 6)
1. กินโจ๊กหรือข้าวต้มกับจับฉ่ายในมื้อเช้าและเย็น
2. มื้อกลางวันกินเกาหลาใส่ผักเยอะๆ 1 ชาม (ถ้าไม่ชอบให้กินข้ามต้มไก่หรือข้าวต้มปลาก็ได้)
{tip}
วิธีำทำซุปผักโขม : นำผักโขมหรือเตียมผักปวยเล้งจีน สับเป็นท่อนสั้นๆ ต้มกับน้ำใส่ซุปไก่สำเร็จรูปครึ่งก้อน (สำหรับคนที่ไม่ชอบซุปก็อน จะใส่เกลือแทนก็ได้) จากนั้นต้มผักจนสุกแล้วเคี่ยวต่อจนยุ่ย กินได้ทั้งวัน พื่อลดน้ำหนัก มื้อละ 1 ถ้วยหากเป็นซุปผักโขม แบบฝรั่ง จะปั่นละเอียด จนไม่มีเนื้อผักให้เคี้ยวเลย แล้วเอามาสิร์ฟเป็นน้ำซุป
ปรับวิธีกิน เพื่อหุ่นslimming
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
/
Comments: (0)
บางครั้งถ้าคุณเริ่มจะมีหุ่นอวบอ้วนเกินความพอเหมาะ แล้วนึกอย่างจะผอมลงซักหน่อยละก็....ไม่ถึงกับอดอาหารหรอก เพียงแต่ปรับวิธีการกินเล็กๆ น้อยๆ ก็พอแล้ว
1. เปลี่ยนกาแฟเป็นชา
ดื่มกาแฟหนึ่งแก้วคุณต้องเติมทั้งครีมเทียมและน้ำตาลอีกหลายช้อน ของพวกนี้เป็นคู่ซี้กับความอ้วนทั้งนั้น แต่ถ้าเปลี่ยนมาดื่มชาสมุนไพรก็ไม่ต้องเติมอะไรเลย แถมสุขภาพยังดีขึ้นด้วย
2. เปลี่ยนน้ำอัดลมธรรมดาเป็นแบบไดเอท
ถึงรสชาติจะไม่ซาบซ่าเท่าแบบธรรมดาแต่อ้วนน้อยกว่ากันเยอะ
3. เปลี่ยนกระทะ
กระทะแบบทั่วๆ ไป เวลาผัด หรือทอดต้องใช้น้ำมัน ทำให้จานเด็ดเพื่อสุขภาพของคุณได้ไขมันแถมมาด้วย เปลี่ยนมาใช้กระทะแบบเทฟล่อนดีกว่า จะผัด จะทอดก็ไม่ต้องใส่น้ำมัน ความอ้วนจะได้ไม่มาถามหา
4. เปลี่ยนเฟรนซ์ฟรายส์เป็นมันอบ
เฟรนซ์ฟรายส์ หรือมันฝรั่งทอดนี่แหละ ปีศาจแห่งความอ้วนตัวจริง ถ้าคุณชอบทานมันฝรั่งก็เปลี่ยนมาทานเป็นมันฝรั่งอบแทน ได้รสชาติประมาณเดียวกันแต่ไม่อ้วน
5. เปลี่ยนจากยืนเป็นนั่ง
ผลการวิจัยเขาบอกว่า เวลายืนกินขนมจุบจิบ คนเราจะเคี้ยวเพลินลืมอิ่มมากกว่าเวลานั่ง เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นน้องหยั่นหว่อหยุ่น (เด็กสมบูรณ์) ไม่ซะแล้ว สาวๆ จึงควรจะพยายามนั่งทานทุกครั้ง ถ้าไม่อยากเป็นสาวจ้ำม่ำ
6. เปลี่ยนสีจาน
ตามหลักจิตวิทยาสีแดงสดจะกระตุ้นให้คนเราอยากกิน แต่สีเข้มมืดๆ จะทำให้ไม่ค่อยหิว กินไม่ค่อยลง ถ้าสาวๆ ลองเปลี่ยนสีจานชามมาเป็นสีเข้ม หรืออาสีเข้มๆ ใส่ลงไปเป็นส่วนหนึงของอาหารก็จะช่ยให้ความหิวหดหายไปได้
1. เปลี่ยนกาแฟเป็นชา
ดื่มกาแฟหนึ่งแก้วคุณต้องเติมทั้งครีมเทียมและน้ำตาลอีกหลายช้อน ของพวกนี้เป็นคู่ซี้กับความอ้วนทั้งนั้น แต่ถ้าเปลี่ยนมาดื่มชาสมุนไพรก็ไม่ต้องเติมอะไรเลย แถมสุขภาพยังดีขึ้นด้วย
2. เปลี่ยนน้ำอัดลมธรรมดาเป็นแบบไดเอท
ถึงรสชาติจะไม่ซาบซ่าเท่าแบบธรรมดาแต่อ้วนน้อยกว่ากันเยอะ
3. เปลี่ยนกระทะ
กระทะแบบทั่วๆ ไป เวลาผัด หรือทอดต้องใช้น้ำมัน ทำให้จานเด็ดเพื่อสุขภาพของคุณได้ไขมันแถมมาด้วย เปลี่ยนมาใช้กระทะแบบเทฟล่อนดีกว่า จะผัด จะทอดก็ไม่ต้องใส่น้ำมัน ความอ้วนจะได้ไม่มาถามหา
4. เปลี่ยนเฟรนซ์ฟรายส์เป็นมันอบ
เฟรนซ์ฟรายส์ หรือมันฝรั่งทอดนี่แหละ ปีศาจแห่งความอ้วนตัวจริง ถ้าคุณชอบทานมันฝรั่งก็เปลี่ยนมาทานเป็นมันฝรั่งอบแทน ได้รสชาติประมาณเดียวกันแต่ไม่อ้วน
5. เปลี่ยนจากยืนเป็นนั่ง
ผลการวิจัยเขาบอกว่า เวลายืนกินขนมจุบจิบ คนเราจะเคี้ยวเพลินลืมอิ่มมากกว่าเวลานั่ง เผลอแป๊บเดียวกลายเป็นน้องหยั่นหว่อหยุ่น (เด็กสมบูรณ์) ไม่ซะแล้ว สาวๆ จึงควรจะพยายามนั่งทานทุกครั้ง ถ้าไม่อยากเป็นสาวจ้ำม่ำ
6. เปลี่ยนสีจาน
ตามหลักจิตวิทยาสีแดงสดจะกระตุ้นให้คนเราอยากกิน แต่สีเข้มมืดๆ จะทำให้ไม่ค่อยหิว กินไม่ค่อยลง ถ้าสาวๆ ลองเปลี่ยนสีจานชามมาเป็นสีเข้ม หรืออาสีเข้มๆ ใส่ลงไปเป็นส่วนหนึงของอาหารก็จะช่ยให้ความหิวหดหายไปได้
นอนหลับอย่างสงบ
เขียนโดย
little Cricket in the Big City
on 2552/08/25
/
Comments: (0)
ผู้หญิง เมื่ออายุมากขึ้น อย่างสาววัย 30+ มักเป็นโรคนอนไม่หลับอันเนื่อง มาจากภาระทั้งในบ้านและหน้าที่การงานที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือ ควรปิดสวิตช์บางสิ่งที่รบกวนคุณในห้องนอน อย่างเช่น วิทยุ คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ หรือ มือถือ และควรรับประทานอาหารให้ถูกหลัก โดยเฉพาะอาหารค่ำที่ไม่ควรเป็นอาหารหนักประเภทเนื้อสัตว์ ไขมัน และอาหารรสจัด แต่ควรจะทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต (ก๋วยเตี๋ยว ข้าว มันฝรั่ง ขนมปัง) จะทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นฮอร์โมน ที่ทำให้นอนหลับสบาย
>> รู้หรือไม่ << สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่ หนึ่งถ้วยก่อนนอน จะช่วยให้ความดันโลหิตไม่ต่ำมากเกินไป และสามารถช่วยให้ นอนหลับดีขึ้น
>> รู้หรือไม่ << สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การดื่มกาแฟเอสเปรสโซ่ หนึ่งถ้วยก่อนนอน จะช่วยให้ความดันโลหิตไม่ต่ำมากเกินไป และสามารถช่วยให้ นอนหลับดีขึ้น